ส.ส.อิหร่าน 23 ราย ติดเชื้อโควิด-19 และพบเจ้าหน้าที่ระดับสูงเสียชีวิตจากโรคนี้แล้ว
in
ข่าวโซลเซียล
โควิด19
อิหร่าน
published on 05:03:00
ส.ส.อิหร่าน 23 ราย ติดเชื้อโควิด-19 และพบเจ้าหน้าที่ระดับสูงเสียชีวิตจากโรคนี้แล้ว
เมื่อวันที่ 4 มี.ค.63 สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น เปิดเผยรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ประเทศอิหร่าน มีการแพร่กระจายไปยังรัฐสภาอิหร่าน โดยระบุว่า ขณะนี้มีสมาชิกรัฐสภาอิหร่าน อย่างน้อย 23 คน จาก 290 คน หรือ คิดเป็น 8% ของส.ส.ทั้งหมดในสภา ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้การประชุมรัฐสภาอิหร่านต้องระงับไว้ก่อน โดยไม่มีกำหนดว่าจะเปิดประชุมสภาได้อีกครั้งเมื่อใด
ขณะเดียวกันได้มีคำสั่งให้ สส.ส.งดการพบปะประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของเจ้าหน้าที่ระดับสูงก็ติดไวรัสโควิด-19 หรือเสียชีวิตอย่างน้อย 7 ราย
ล่าสุด นายพีร์ฮอสเซน โคลีวาน หัวหน้าสำนักงานฉุกเฉินแห่งชาติ กลายเป็นอีกคนที่ติดเชื้อไวรัส ขณะที่ อาลีเรซา ไรซี รักษาการรัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข ยอมรับว่าเขาตรวจพบว่าติดเชื้อ 1 วันหลังจากไอ ระหว่างแถลงข่าวที่มีการถ่ายทอดไปทั่วประเทศเมื่อ 25 ก.พ. ทั้งนี้ กระทรวงต่างประเทศสหรัฐ เสนอช่วยอิหร่านควบคุมโรคระบาดครั้งนี้ แต่รัฐบาลเตหะรานปฏิเสธความช่วยเหลือนี้
สถานการณ์โคโรนาในอิหร่านยังหนักหน่วง คร่าชีวิตเพิ่ม 11 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 77 ราย กลายเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดรองจากจีน
แม้แต่หัวหน้าหน่วยฉุกเฉินยังติดเชื้อ และต้องปล่อยนักโทษชั่วคราวกว่า 5 หมื่น
อิหร่านพยายามยับยั้งการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 ด้วยการปิดโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ระงับการจัดงานทางวัฒนธรรมและกีฬา ตลอดจนลดชม.การทำงาน และคาดโทษการกักตุนหน้ากากอนามัยและเวชภัณฑ์
ล่าสุดโคโรนา คร่าชีวิตชาวอิหร่านเพิ่มอีก 11 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 77 รายแล้ว กลายเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดรองจากจีน ส่วนการติดเชื้อ ก็เพิ่มมากสุดในวันเดียว 835 ราย นับจากเริ่มแจ้งผู้ติดเชื้อครั้งแรกเมื่อเกือบสองสัปดาห์ก่อน ยอดติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 2,336 ราย
อีกด้านหนึ่ง อิหร่านประกาศปล่อยตัวนักโทษกว่า 5.4 หมื่นคนชั่วคราวเพื่อเป็นมาตรการป้องกันไว้ก่อน เพื่อลดความแออัดและความเสี่ยงไวรัสระบาด เว้นนักโทษด้านความมั่นคงที่ต้องโทษจำคุกเกิน 5 ปีจะไม่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัว และทุกคนจะออกจากเรือนจำได้หลังจากผลตรวจเป็นลบ
-----------------------
สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น